Deep Dive with Founders
Founder's Exclusive Interview For Thai Media
'CiferAI' สตาร์ทอัพรุ่นใหญ่ ที่ศึกษาวิจัยจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ มานานถึง 7 ปี จริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ (Ethical AI) คืออะไร ส่งผลกระทบต่อนักพัฒนา AI และโลกธุรกิจอย่างไร เรามาทำความรู้จักกันในบทความนี้
จริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ (Ethical AI) ประเด็นเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังมาแรงและไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นความท้าทายที่ส่งผลกระทบต่อคนทั้งโลก เนื่องจากเป็นข้อกฎหมายที่บังคับใช้ทั่วโลก เช่น ข้อบังคับ GDPR (General Data Protection Regulation) ของสหภาพยุโรป และ Executive Order ด้านความปลอดภัยและจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน สหรัฐอเมริกา
US President Executive Order และ EU - GDPR คืออะไร ทำไมถึงเป็น “เรื่องใหญ่” ในวงการเทคโนโลยีด้าน AI
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2023 ทำเนียบขาวได้แถลงต่อสาธารณะถึงผลกระทบอันยิ่งใหญ่ของเทคโนโลยี AI โดยระบุว่า AI สามารถสร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคมและมนุษย์อย่างมากมาย เช่น เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พัฒนาการรักษาพยาบาล และปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน อย่างไรก็ตาม AI ยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เช่น การถูกโจมตีทางไซเบอร์ การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และการเลือกปฏิบัติ (Bias & Discrimination)ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐอเมริกาจึงได้ออก Executive Order เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนา และการใช้ AI ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ คำสั่งดังกล่าวกำหนดเป้าหมายแปดประการเพื่อช่วยให้ AI ปลอดภัย ยุติธรรม และเป็นประโยชน์ต่อคนอเมริกันทุกคน[1]
การออก Executive Order ทำให้เกิดความท้าทายและข้อจำกัดในการพัฒนา AI หลายประการ เนื่องจาก AI ต้องเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น หนังสือ, บทความ, รูปภาพ, และสื่อต่างๆ รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคล หาก AI ไม่สามารถเรียนรู้ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและอิสระ การพัฒนา AI อาจชะลอตัว มีปัญหาเช่น ข้อมูลไม่เพียงพอสำหรับการเทรนหรือขาดความหลากหลาย รวมถึงปัญหาด้านอื่นๆ ได้แก่ความปลอดภัย, การละเมิดลิขสิทธิ์, อคติ, และจริยธรรมอื่นๆอีกด้วย
Executive Order ของสหรัฐอเมริกา สอดคล้องกับ GDPR ของสหภาพยุโรปในหลายประเด็น โดยทั้งสองฉบับมุ่งเน้นไปที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน สร้างความโปร่งใสและความรับผิดชอบให้กับหน่วยงานหรือองค์กรที่พัฒนาและนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์อย่างยุติธรรมและเท่าเทียมกัน
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกันเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้าน AI โดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อสังคมและมนุษยชาติเป็นสำคัญ
ทำความรู้จักกับ ‘CIFER.AI’ ผู้นำด้าน Decentralized Intelligence for Ethical AI Solutions ที่มุ่งมั่นแก้ปัญหาด้าน AI อย่างยั่งยืน
“CIFER.AI เป็น Machine Learning Framework ที่พัฒนาบนเทคโนโลยี Blockchain การนำเทคโนโลยีสองโดเมนเข้ามาทำร่วมกัน ช่วยให้การเทรนข้อมูลสำหรับพัฒนา AI สามารถทำได้โดยไม่ละเมิดข้อมูล ช่วยลดปัญหาละเมิดข้อมูล ยกระดับความปลอดภัย และตอบโจทย์จริยธรรม AI อย่างครบวงจร”คุยกับสองผู้ก่อตั้ง คุณมิรันดา ทรงพัฒนาศิลป์ Chief Executive Officer และ ดร.ไกรกมล หมื่นเดช Chief Research Officer
แนวคิดในการสร้างสรรค์ CIFER.AI เริ่มขึ้นในปี 2017 จากการที่คุณมิรันดา และ ดร.ไกรกมล ได้ร่วมมือกันครั้งแรกในการพัฒนา 'AVA AI for Investment' โดยคุณมิรันดา ดำรงตำแหน่งผู้ร่วมก่อตั้งและ CFO ขณะที่ ดร.ไกรกมล มีบทบาทเป็น AI Advisor.คุณมิรันดาและดร.ไกรกมล Exit จาก AVA เพื่อสานต่อความหลงใหลในการศึกษา และวิจัยด้านจริยธรรมของ AI แต่เมื่อพวกเขาเริ่มพัฒนา CIFER.AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ผสาน AI และ Blockchain เข้าด้วยกัน ทั้งคู่ก็ต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แม้จะมีประสบการณ์ใน AI มาอย่างยาวนาน
คุณมิรันดากล่าวว่า “เรานำงานวิจัยจาก Federated Learning ซึ่งเป็นแนวทางที่ Google นำมาใช้จริงกับ Google Keyboard ในปี 2017 แม้ว่า Federated Learning จะแก้ปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ เนื่องจากเป็นระบบแบบรวมศูนย์ จึงอาจถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้ง่าย มีปัญหาด้านการขยายขนาด ความล่าช้า และอาจยังไม่ตอบโจทย์ด้านความโปร่งใส ความหลากหลาย และความยุติธรรมของข้อมูล”
“หลักการทำงานของการเทรน Machine Learning ดั้งเดิม คือการนำข้อมูลมารวบรวมไว้ที่ศูนย์กลางก่อน จากนั้นจึงทำกระบวนการประมวลผลข้อมูล ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรและเวลามาก หลังจากนั้นจึงนำข้อมูลไปเทรน AI Model ซึ่งวิธีการนี้อาจทำให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัยได้ เนื่องจากข้อมูลอาจถูกลักลอบขโมยหรือเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ Federated Learning คือเทคนิคที่ทำให้สามารถเทรน AI โดยไม่ต้องรวบรวมข้อมูลไว้ที่ศูนย์กลาง แต่จะเป็นการแบ่งกระบวนการเทรนไปยังอุปกรณ์หลายๆ ตัวที่มีข้อมูลอยู่แล้ว วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องของความปลอดภัยของข้อมูล เพราะข้อมูลไม่ถูกรวบรวมและส่งออกจากอุปกรณ์ของผู้ใช้ ทำให้ลดโอกาสในการเสี่ยงต่อการถูกลักลอบหรือการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างมีนัยสำคัญ”
“แต่ Federated Learning ดั้งเดิมของ Google นั้นก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัย ความโปร่งใส และยังขาดกลไกในการสร้าง Incentive Economy ระหว่างนักพัฒนา AI และ Data Provider ได้อย่างเต็มที่”
“CIFER.AI เล็งเห็นปัญหานี้และได้ใช้เวลากว่า 7 ปีในการวิจัยและพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ด้านจริยธรรม AI อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการรวมเทคโนโลยี Blockchain เข้ากับ Federated Learning ทำให้สามารถสร้างระบบ Decentralized Intelligence ที่ไม่เพียงแต่ปลอดภัยและโปร่งใส แต่ยังสร้างแรงจูงใจทางเศรษฐกิจที่ดีต่อทั้งนักพัฒนาและผู้ให้ข้อมูล นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่จะนำมาซึ่งการพัฒนา AI ที่ยั่งยืนและเป็นธรรมมากขึ้นในอนาคต”
CIFER.AI ทำมาเพื่อใคร วางแผนนำไปสู่กลุ่มผู้ใช้อย่างไร
CIFER.AI เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้นักพัฒนา AI, บริษัทเทคโนโลยี, และองค์กรต่างๆ สามารถพัฒนา AI ได้อย่างมีจริยธรรมและปลอดภัย โดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นหลัก วิสัยทัศน์ของ CIFER.AI คือการสร้างเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนา, ผู้ให้ข้อมูล, หรือผู้ใช้งาน AI โดย CIFER.AI ยังมีแผนที่จะขยายฐานผู้ใช้ไปยังกลุ่มสตาร์ทอัพและนักวิจัย AI ที่ต้องการเทคโนโลยีที่ยืดหยุ่น ปลอดภัย และสนับสนุนการพัฒนา AI ที่มีคุณธรรมและความโปร่งใส โดยมุ่งหวังให้เป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ช่วยผลักดันให้โลกของ AI เติบโตไปในทิศทางที่ดีและมีความรับผิดชอบมากขึ้นUSE CASE ในการนำมาใช้จริงกับธุรกิจ
CIFER.AI นำเสนอโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพในหลายอุตสาหกรรม, เฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจการธนาคารและสินเชื่อ ด้วยระบบ Decentralized Collective Learning ที่ไม่ต้องรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อนำมาพัฒนา AI ในการวิเคราะห์ Credit ScoreCIFER.AI ช่วยให้ธนาคารและผู้ให้บริการสินเชื่อประเภทต่างๆ สามารถจับมือร่วมกับบริการอย่าง Uber และ AirBnB ซึ่งเป็นกลุ่มผลักดันเศรษฐกิจขนาดใหญ่ พัฒนาระบบประเมิน Credit Score ที่โปร่งใสและยุติธรรม นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับข้อกำหนด GDPR ของสหภาพยุโรป เพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อให้กับผู้ที่มีประวัติเครดิตน้อย สร้างความเป็นธรรมในการประเมินความสามารถในการชำระหนี้
USE CASE ก้าวใหญ่ในตลาดโลก
ในยุคที่กฎหมายด้านการคุ้มครองข้อมูลมีความสำคัญมากขึ้น CIFER.AI สามารถจัดการกับความท้าทายในการโอนข้อมูลข้ามพรมแดนตามมาตรการ GDPR ของสหภาพยุโรป ตัวอย่างเช่น ในกรณีของ Amazon, แม้ว่า Amazon ในสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ จะเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเดียวกัน แต่ก็มีข้อจำกัดในการแบ่งปันข้อมูลระหว่างกัน นี่เป็นเพราะกฎหมาย GDPR ที่ควบคุมการถ่ายโอนข้อมูลอย่างเข้มงวดCIFER.AI แก้ปัญหานี้ด้วยการนำเอา Decentralized Collective Learning มาใช้ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยให้การพัฒนาและการเทรน AI สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องส่งข้อมูลไปยังต่างประเทศหรือข้ามภูมิภาค ด้วยวิธีนี้ บริษัทต่างๆ สามารถประมวลผลและพัฒนา AI ได้ภายในขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้, รักษาความปลอดภัย และเคารพต่อความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ด้วยเทคโนโลยีของ CIFER.AI, บริษัทต่างๆ สามารถจัดการข้อมูลในแต่ละภูมิภาคได้อย่างมีอิสระและตามมาตรฐานของ GDPR นี่ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ปัญหาให้กับ Amazon แต่ยังเป็นการส่งเสริมการใช้งาน AI ที่มีความยั่งยืนและจริยธรรมในระดับโลก
USE CASE สำหรับนักพัฒนา AI และ Data Contributor
ก่อนหน้านี้ เราอาจจะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับ AI Startups ชื่อดังระดับโลกที่ถูกฟ้องร้องว่าละเมิดลิขสิทธิ์และละเมิดความเป็นส่วนบุคคลของข้อมูลที่ใช้เทรน AI Model เพื่อพัฒนา Generative AI หรือ Predictive AI ต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้งานCIFER.AI เป็น AI-Enabler ที่เป็นพันธมิตรกับนักพัฒนา AI เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเทรนข้อมูลเพื่อพัฒนา AI ให้เป็นไปอย่างสอดคล้องกับข้อกำหนดและกฎหมายด้านจริยธรรม โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์และละเมิดความเป็นส่วนบุคคลของข้อมูล
CIFER.AI สามารถช่วยนักพัฒนา AI ในการเทรนข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดย เทคโนโลยี Decentralized Collective Learning นอกจากนี้ CIFER.AI ยังมีระบบ Smart Contract ที่ทำหน้าที่เป็น Incentive Mechanism ที่ช่วยส่งเสริมให้ Data Contributor มีส่วนร่วมในการแบ่งปันข้อมูล โดย Data Contributor จะได้รับรางวัลตอบแทนในรูปของ $CIF Token สกุลเงินของระบบ CIFER.AI ซึ่งสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดหรือสินค้า และบริการได้ในอนาคต
ในทางกลับกัน หาก AI Model ของนักพัฒนานั้นมี Performance ที่ดี นักพัฒนา AI ก็สามารถปล่อยเช่า AI Model ของตนเอง โดยได้รับ $CIF กลับมาเป็นค่าตอบแทนได้อีกด้วย
สิ่งนี้จะช่วยส่งเสริมให้นักพัฒนา AI พัฒนา AI Model ของตนเองให้มีประสิทธิภาพและแม่นยำยิ่งขึ้น เพื่อที่จะสามารถสร้างมูลค่าและได้รับผลตอบแทนจาก AI Model ของตนเองได้
Ethical AI ที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีและการวิจัยอย่างไม่สิ้นสุด
ในโลกของ AI เต็มไปด้วยความท้าทายใหม่ๆ อยู่เสมอทั้งในด้านความสามารถของ AI และในด้านจริยธรรม ดังนั้นการวิจัยและพัฒนาที่มีจริยธรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ดร.ไกรกมล หมื่นเดช CRO และผู้ร่วมก่อตั้งของ CIFER.AI เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในการวิจัยด้าน Machine Learning และส่วนสำคัญในการนำพา CIFER.AI ให้เป็นผู้นำด้านจริยธรรม AI อย่างแท้จริงดร.ไกรกมล ได้กล่าวในการเปิดตัวว่า “Decentralized Collective Learing ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายว่าเป็นอนาคตของ Machine Learning และยังสามารถช่วยให้เราเข้าถึงศักยภาพที่แท้จริงของ AI ได้อีกขั้น แต่การเปลี่ยนแปลงเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานได้จริงนั้นไม่ง่าย เนื่องจากมีความท้าทายมากมายเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว, ความปลอดภัย, ความเป็นธรรม และสิทธิ์ทางทรัพย์สินทางปัญญา ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยี AI และ Blockchain ที่มุ่งเน้นการวิจัยเป็นสำคัญของ CIFER.AI จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนี้ด้วยความรับผิดชอบสูงสุด”
ดร.ไกรกมลยังเน้นย้ำว่า CIFER.AI ให้ความสำคัญกับการวิจัยเป็นอย่างมาก เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าเทคโนโลยีมีการพัฒนาอยู่เสมอ รวมทั้งกฎหมายและผลกระทบต่อสังคมที่อาจเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นในฐานะ Chief Research Officer หน้าที่ของเขาคือการวิจัยต่อเนื่องเพื่อติดตามและปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เพื่อให้แน่ใจว่า CIFER.AI จะยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างคุณค่า และความมีจริยธรรมอย่างต่อเนื่องในโลกของ AI.”
ก้าวต่อไปและความท้าทายในตลาดโลกกับ CIFER.AI
CIFER.AI ก้าวเข้าสู่เวทีโลกอย่างแข็งขัน ด้วยการตั้งสำนักงานใหญ่ที่นิวยอร์ก เพื่อขยายธุรกิจและทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรและนักลงทุน โดยคุณมิรันดา ผู้ก่อตั้งและ CEO เป็นผู้รับผิดชอบเป้าหมายในการสร้างความร่วมมือและขยายเครือข่ายธุรกิจในตลาดสหรัฐฯ พร้อมทั้งสร้างโอกาสใหม่ๆ ในอุตสาหกรรม AI ที่มีการแข่งขันสูงนอกจากนี้ CIFER.AI ยังมีฐานงานวิจัยที่ประเทศเยอรมนี ภายใต้การดูแลของ ดร.ไกรกมล ผู้ก่อตั้งและ CRO ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ
การผสานความเชี่ยวชาญทางเทคนิคและความก้าวหน้าทางงานวิจัยที่แข็งแกร่ง ทำให้ CIFER.AI ไม่เพียงแต่สามารถสร้าง AI ที่มีจริยธรรมและปลอดภัย แต่ยังเป็นผู้นำในการสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม AI ทั่วโลก
การตั้งสำนักงานที่นิวยอร์กและหน่วยงานวิจัยในเยอรมนี ทำให้ CIFER.AI มีความยืดหยุ่นและปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงและความต้องการของตลาดโลกได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็สามารถรักษาคุณภาพและความเป็นเลิศทางงานวิจัยไว้ได้อย่างยั่งยืน